
สฟิงซ์ แห่งธีบส์ ผู้เฝ้าประตูด้วยปริศนาโชคชะตา
- J. Kanji
- 25 views
สฟิงซ์ แห่งธีบส์ อสูรรูปร่างประหลาด ที่รอขัดขวางผู้เดินทาง ด้วยคำถามเดียว ใครตอบไม่ได้ ก็ตายสถานเดียว แต่เบื้องหลัง ของความน่ากลัวนี้ มีเรื่องราวมากกว่าที่คิด ทั้งความแค้นของเทพเจ้า ชะตากรรมของเมือง และบทพิสูจน์ของมนุษย์ ลองมาดูกันว่า เรื่องของสฟิงซ์เป็นยังไง ตั้งแต่ต้นจนจบ
สฟิงซ์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา เธอเป็นลูกสาวของ ไทฟอน และอีคิดนา ซึ่งถือเป็น “พ่อแม่แห่งสัตว์ประหลาด” ในตำนานกรีก เพราะให้กำเนิด สัตว์น่ากลัวหลายตัว เช่น เซอร์เบอรัส (หมาสามหัว) ไฮดรา (งูหลายหัว) และคิเมร่า (สัตว์ผสมไฟ)
ลักษณะของสฟิงซ์ ก็สะท้อนสายเลือดนั้นชัดเจน เธอมีร่างกายเป็นสิงโต ตัวแทนของพลัง และความดุร้าย ปีกนกอินทรี สื่อถึงความเร็ว และการควบคุมท้องฟ้า ส่วนหัว และอกเป็นหญิงสาว [1]
ซึ่งบ่งบอกถึงสติปัญญา และความยั่วยวน นี่เองทำให้สฟิงซ์ ไม่ใช่สัตว์ที่พึ่งพาแต่กำลัง แต่ยังใช้เล่ห์เหลี่ยม ในการล่าเหยื่ออีกด้วย บางเวอร์ชัน ของเรื่องเล่าเสริมด้วยว่า เสียงของสฟิงซ์หวาน และน่าฟัง จนทำให้เหยื่อลืมตัว ซึ่งยิ่งทำให้เธอ กลายเป็นภัย ที่ยากจะต้านทาน
ความโกลาหลทั้งหมด เริ่มจากกษัตริย์ ลายอัสแห่งธีบส์ ที่ทำผิดอย่างใหญ่หลวง กับเทพเจ้า ตามตำนาน ลายอัส ไปลักพาตัวลูกชายของ กษัตริย์อีกเมืองหนึ่ง ทำให้เทพเจ้าหลายองค์ รวมถึงเฮรา โกรธมาก และตัดสินใจลงโทษ เมืองธีบส์ทั้งเมือง ไม่ใช่แค่ตัวลายอัสคนเดียว
เฮราจึงส่งสฟิงซ์ ไปประจำที่ทางเข้าธีบส์ ให้นางเป็นเครื่องมือ ในการลงโทษ วางกับดักให้ชาวเมือง ต้องเผชิญหน้า กับความหวาดกลัว และพยายามดิ้นรน เอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง มันไม่ใช่การแก้แค้นแบบง่าย ๆ แต่เป็นการกดดัน ให้เมืองทั้งเมือง ต้องเผชิญกับวิกฤต ที่ใหญ่เกินกว่าจะหนีได้ [2]
แม้ภาพจำ จะดูเหมือนสฟิงซ์ เป็นนักล่าโหดเหี้ยม แต่จริง ๆ แล้วนาง “เล่นเกม” กับเหยื่อก่อนฆ่าเสมอ ทุกครั้งที่มีผู้เดินทางผ่านไป สฟิงซ์จะหยุดพวกเขาไว้ แล้วตั้งคำถาม ที่มีเพียงคำตอบเดียว ใครตอบถูก จะได้รับอนุญาตให้เดินทางต่อ ใครตอบผิด ก็โดนกินทันที
การไม่ฆ่าทันที ทำให้สฟิงซ์แตกต่าง จากสัตว์ประหลาดอื่น ๆ ในตำนาน เพราะมันไม่ใช่ การใช้กำลังอย่างเดียว แต่เป็นการท้าทายให้มนุษย์ “เอาชนะด้วยปัญญา”
ซึ่งเป็นการดูถูก และโหดร้าย ในเวลาเดียวกัน สำหรับสฟิงซ์ เหยื่อที่ตอบผิดสมควรตาย เพราะแค่การไม่เข้าใจ ธรรมชาติของชีวิต ก็แปลว่าพวกเขา ไม่คู่ควรจะอยู่ต่อแล้ว
โอดิปัส ไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่อง กับสฟิงซ์ เขาเป็นเพียงชายหนุ่ม ที่หนีโชคชะตา หลังได้รับคำทำนายว่า จะฆ่าพ่อ และแต่งงานกับแม่ตัวเอง เขาเลือกจะเดินทาง ออกจากบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้น ระหว่างทาง โอดิปัสพบสฟิงซ์ และถูกท้า ให้ตอบปริศนาเดียวกัน ปริศนานั่นก็คือ
“อะไรเอ่ย ตอนเช้าเดินสี่ขา กลางวันสองขา ตอนเย็นสามขา?”
โอดิปัสตอบได้ทันทีว่า “มนุษย์” เพราะตอนเด็กเราคลาน โตมาเดินสองขา และเมื่อแก่ ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน เป็นขาที่สาม นี่ไม่ใช่แค่การตอบถูก แต่เป็นการเข้าใจ วงจรชีวิตมนุษย์ อย่างลึกซึ้ง และนั่นทำให้สฟิงซ์ ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ โดยไม่อาจโต้แย้งได้ [3]
เมื่อโอดิปัสตอบถูก สฟิงซ์ก็หมดความหมาย ที่จะอยู่ต่อ ตามตำนานที่เล่ากันทั่วไป สฟิงซ์กระโดดลงจากหน้าผา ฆ่าตัวตาย เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะสำหรับเธอ การพ่ายแพ้ ในการทดสอบ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่มันคือจุดจบ อย่างแท้จริง
หลังสฟิงซ์ตาย เมืองธีบส์ก็พ้นจากคำสาป ทุกคนยกโอดิปัส เป็นวีรบุรุษ และแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ทั้ง ๆ ที่โอดิปัสไม่รู้เลยว่า ชะตากรรมอันโหดร้าย ของตัวเอง กำลังรออยู่ข้างหน้า
แม้สฟิงซ์จะพ่ายแพ้ และสิ้นชีวิตในตำนาน แต่เธอไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของโลก ศิลปะ กวีนิพนธ์ และวรรณกรรมมากมาย ยังคงพูดถึงเธอ ในฐานะผู้ทดสอบ ผู้พิทักษ์แห่งปัญญา และสัญลักษณ์ ของความลึกลับ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด และในโลกตำนานกรีกเดียวกันนั้น ยังมีอีกหนึ่งตัวละคร
ที่สะท้อนความขัดแย้ง ของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เซนทอร์ มนุษย์ครึ่งม้า ผู้มีร่างกายที่เปี่ยมด้วย พละกำลังจากสัตว์ป่า แต่ก็มีสมองของมนุษย์ ที่ถวิลหาปัญญา และจริยธรรม สฟิงซ์กับเซนทอร์ จึงต่างเป็นภาพสะท้อน ของการต่อสู้ในตัวมนุษย์ ระหว่างสัญชาตญาณดิบ กับความเข้าใจ
ความกลัว กับความกล้า และความไม่รู้ กับการแสวงหาคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นยุคใด สฟิงซ์และเซนทอร์ ต่างสอนเราในแบบของตัวเอง ว่าชีวิตคือบททดสอบ ที่ไม่มีใครบอกคำตอบให้ได้ มีเพียงผู้ที่กล้ายืนหยัด ตั้งคำถาม และกล้าเผชิญหน้า กับความจริงเท่านั้น ที่จะก้าวข้ามเงามืด และเปลี่ยนโชคชะตา ของตนเองได้
สฟิงซ์ แห่งธีบส์ เป็นตัวแทน ของบททดสอบ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต ความสามารถในการเข้าใจ และยอมรับการเปลี่ยนแปลง โอดิปัสพิสูจน์ว่า แม้โชคชะตา อาจดูโหดร้าย แต่ด้วยสติปัญญา ความกล้าหาญ และการมองเห็นสัจธรรม ที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ ของชีวิตมนุษย์ ก็สามารถเอาชนะอุปสรรค ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้
ในตำนานกรีก สฟิงซ์เป็นปีศาจ ที่มีตัวสิงโต หัวหญิงสาว มีปีก และชอบท้าทายผู้คน ด้วยปริศนา ในอียิปต์โบราณ สฟิงซ์ มักมีร่างกายเป็นสิงโต หัวเป็นกษัตริย์ หรือเทพเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ การคุ้มครอง และความเป็นอมตะ ไม่เกี่ยวข้องกับการถามปริศนาเหมือนในกรีก
ในตำนานกรีก สฟิงซ์ไม่ได้ฆ่าตัวตาย เพราะความโกรธ หรือความพ่ายแพ้ เพียงอย่างเดียว แต่เพราะบทบาทของเธอ ได้สิ้นสุดลง เธอมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นบททดสอบ แก่เมืองธีบส์ และเมื่อโอดิปัส ไขปริศนาได้แล้ว นั่นหมายถึง “พันธกิจ” ของเธอสิ้นสุดลง ไม่มีเหตุผล ให้อยู่ต่อไป ในโลกมนุษย์อีก