แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

บากุ กินฝันร้าย ตำนานผู้ปกป้องการนอนหลับ

บากุ กินฝันร้าย

บากุ กินฝันร้าย เป็นคำอธิษฐาน ที่แว่วอยู่ในความมืด เมื่อใครสักคนสะดุ้งตื่น หลังจากเผชิญกับฝันร้าย ที่หลอกหลอน บากุไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดา แต่เป็นการเรียกหา สิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่น ที่มีความสามารถพิเศษ ในการกินฝันร้าย เรื่องราวของบากุ ถูกเล่าขาน สืบต่อกันมาหลายร้อยปี จนแพร่หลายไปทั่วโลก

  • ประวัติศาสตร์ยาวนานของบากุ
  • พลังความสามารถของบากุ
  • เรื่องของบากุในปัจจุบัน

ต้นกำเนิด และตำนานบากุ

นานมาแล้วในประวัติศาสตร์ เอเชียตะวันออก บากุถือกำเนิดจากความเชื่อ ของชาวจีนโบราณ ก่อนจะแพร่เข้าสู่ญี่ปุ่น ในช่วงศตวรรษที่ 14-15 ในภาษาจีน คำว่า “เป๋า” (貘) หมายถึงตัวสัตว์ ที่คล้ายตัวสมเสร็จ แต่เมื่อความเชื่อนี้ ข้ามทะเลมาถึงญี่ปุ่น

บากุได้รับการปรับเปลี่ยน ให้มีลักษณะผสมผสาน ของสัตว์หลายชนิด ตำนานเล่าว่า เมื่อพระเจ้าสร้างสัตว์ต่างๆ ขึ้นมา มีชิ้นส่วนที่เหลือ จากสัตว์มากมาย ถูกนำมารวมกัน จนกลายเป็นบากุ สิ่งมีชีวิตที่มีส่วนผสม แปลกประหลาด

ทั้งร่างกายของหมี จมูกยาวของช้าง เขาของเสือดาว ขาของเสือ และหางของวัว ความพิเศษที่แตกต่างนี้เอง ที่ทำให้บากุมีความสามารถ เหนือธรรมชาติ ในการดูดกลืนฝันร้าย และความหวาดกลัวของมนุษย์ [1]

พลังพิเศษของบากุ ในการกินฝันร้าย

บากุไม่ใช่แค่กินฝันร้ายธรรมดา แต่มันมีกระบวนการพิเศษ ในการดูดซับความหวาดกลัว เมื่อคนเรียกหาบากุ หลังตื่นจากฝันร้าย บากุจะปรากฏตัว ในห้วงจิตใต้สำนึก มันใช้จมูกยาว ดูดซึมฝันร้ายเข้าไป แล้วเปลี่ยนพลังงานลบเหล่านั้น ให้กลายเป็นอาหาร

คนญี่ปุ่นเชื่อว่า การเรียกบากุ ควรทำทันทีที่ตื่นจากฝันร้าย ด้วยคำว่า “บากุ บากุ มากินฝันร้ายของฉัน” สามครั้ง ก่อนที่รายละเอียด ของฝันร้ายจะเลือนหาย

มิเช่นนั้นบากุ อาจไม่สามารถกินฝันร้ายได้หมด หากใครเรียกบากุบ่อยเกินไป โดยไม่จำเป็น มีความเชื่อว่า บากุอาจหิวโหย จนกินทั้งฝันดี และความหวังในอนาคต ของผู้เรียกได้เช่นกัน [2]

รูปลักษณ์บากุ ที่เปลี่ยนตามยุคสมัย

ในสมัยโบราณ บากุถูกวาดในลักษณะที่น่ากลัว เน้นความเป็นสัตว์ประหลาด ที่น่าเกรงขาม มีเขี้ยวงาแหลมคม และดวงตาที่ลุกวาว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในยุคเอโดะ (1603-1868) ศิลปินเริ่มวาดบากุ ให้ดูน่ารัก และเป็นมิตรมากขึ้น ในศิลปะญี่ปุ่นสมัยใหม่ บากุมักถูกวาดให้มีลักษณะ กึ่งตลกขบขัน

มีความน่ารักแบบ “คาวาอี้” เพื่อให้เข้ากับรสนิยมร่วมสมัย แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ ของสัตว์ผสม ไว้อย่างครบถ้วน ในอะนิเมะ และมังงะญี่ปุ่นหลายเรื่อง บากุได้รับการตีความใหม่ ให้เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ และผู้ปกป้องจิตใจ ของตัวเอกจากฝันร้าย และความทุกข์

บากุในวัฒนธรรมร่วมสมัย

บากุ กินฝันร้าย

ปัจจุบัน บากุยังคงมีชีวิต และได้รับความนิยม ในสื่อต่างๆ ทั่วโลก ในเกมโปเกมอน ตัวละคร “ดรีมอีทเตอร์” (Drowzee) และ “ฮิปโน” (Hypno) ก็ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากบากุ ด้วยความสามารถ ในการควบคุมความฝัน ในอะนิเมะหลายเรื่อง บากุปรากฏเป็นทั้งตัวร้าย และตัวละครผู้ช่วยเหลือ [3]

เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิต ในตำนานญี่ปุ่นอื่นๆ อย่าง แมวผี เนโกมาตะ ที่มักปรากฏในวัฒนธรรม ร่วมสมัยเหมือนกัน ทั้งบากุ และเนโกมาตะ ต่างเป็นตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ในตำนานญี่ปุ่น ที่ยังคงมีอิทธิพล ในโลกสมัยใหม่

นักบำบัดจิตใจบางคนในญี่ปุ่น และต่างประเทศ ยังนำแนวคิดของบากุมา ประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย ที่มีปัญหาฝันร้ายซ้ำซาก หรือโรควิตกกังวล โดยให้จินตนาการ ว่าบากุช่วยดูดกลืนความกลัว และความวิตกกังวล เป็นเทคนิคบำบัด ที่ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึก มีที่พึ่งทางใจ

บากุในความเชื่อต่างประเทศ

ความน่าสนใจของบากุ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศ แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ที่มีความเชื่อ เรื่องวิญญาณ และสิ่งเหนือธรรมชาติ ในทำนองเดียวกัน ในประเทศเหล่านี้ บากุถูกผสมผสาน เข้ากับความเชื่อท้องถิ่น

กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามบริบท ทางวัฒนธรรมต่างๆ งานวิจัยสมัยใหม่ชี้ให้เห็นว่า แทบทุกวัฒนธรรมทั่วโลก มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต ที่ช่วยปกป้องจากฝันร้าย เช่น “ดรีมแคตเชอร์” ของชาวพื้นเมืองอเมริกัน หรือ “อัลป์” ในตำนานเยอรมัน

ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ความต้องการของมนุษย์ ที่จะหาที่พึ่งจากความกลัว ในยามหลับใหล บากุจึงไม่เพียง เป็นเรื่องเล่าท้องถิ่น แต่เป็นสัญลักษณ์ ของการเยียวยาจิตใจ ในระดับสากลอีกด้วย

ของที่ระลึก และวัตถุมงคล เกี่ยวกับบากุ

ความเชื่อเรื่องบากุ ฝังรากลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น จนกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตประจำวัน หมอนที่มีรูปบากุ เป็นของใช้ยอดนิยม ในหมู่เด็กญี่ปุ่น ที่กลัวฝันร้าย เชื่อกันว่า การนอนกับหมอนบากุ จะช่วยปกป้องพวกเขา จากความฝันที่น่ากลัว

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องราง รูปบากุที่ทำจากงาช้าง ไม้ หรือโลหะ ถูกใช้เป็นของประดับในบ้าน เพื่อปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย และนำโชคดีมาสู่ครอบครัว ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง ในญี่ปุ่น จะพบกับตุ๊กตาบากุโบราณ ที่มีอายุนับร้อยปี แสดงให้เห็นถึง ความสำคัญทางวัฒนธรรม ของสิ่งมีชีวิตในตำนานนี้

บทส่งท้าย เรื่องราวของ บากุ กินฝันร้าย

บากุ กินฝันร้าย ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าโบราณ ไม่ว่าคุณจะเชื่อ ในตำนานนี้หรือไม่ แต่แนวคิดของการมีผู้ปกป้อง ในยามที่เราอ่อนแอที่สุด ช่างเป็นความคิดที่งดงาม เป็นสิ่งเตือนใจให้เรารู้ว่า แม้แต่ฝันร้าย ก็สามารถเปลี่ยนเป็น พลังงานบวกได้ เฉกเช่นที่บากุ ทำมาตลอดหลายร้อยปี

เราสามารถเรียกบากุ มาช่วยได้บ่อยแค่ไหน?

ตามความเชื่อดั้งเดิม ควรเรียกบากุ เฉพาะเมื่อเราประสบกับฝันร้ายจริงๆ เท่านั้น การเรียกบากุบ่อยเกินไป โดยไม่มีฝันร้าย อาจทำให้บากุหิวโหย และเริ่มกินฝันดี หรือความหวังของเราแทน จึงควรระมัดระวัง และเรียกเฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น

มีวิธีเรียกบากุ ที่ถูกต้องอย่างไร?

วิธีดั้งเดิม ในการเรียกบากุคือ ทันทีที่ตื่นจากฝันร้าย ให้กล่าวประโยค “บากุ บากุ มากินฝันร้ายของฉัน” สามครั้งติดต่อกัน พยายามนึกถึงรายละเอียด ของฝันร้ายให้ชัดเจน บากุจะปรากฏตัว ในจิตใต้สำนึก และดูดกลืนฝันร้ายนั้นไป สำคัญมากคือต้องเรียกทันที ก่อนที่รายละเอียดของฝัน จะเลือนหายไป

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง